ภาคพิเศษ Make it or Buy
วันนี้มาตามสัญญาที่ให้ไว้จะมาฝึกสอนจำแนกต้นทุนเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าเราควรจะจ้างเขาผลิตให้หรือผลิตขายเอง ซึ่งต้นทุนนั้นเป็นแค่ปัจจัยๆหนึ่งในการตัดสินใจว่าเราควรทำอย่างไร โดยปัจจัยอื่นๆนั้นก็มี เช่น
1. กำลังการผลิตปัจจุบัน
2. งบประมาณของธุรกิจ
3. ศักดิ์ศรี ภาพลักษณ์และความลับขององค์กร
4. ระยะเวลา ความรวดเร็วการดำเนินงาน
5. แผนธุรกิจ กลยุทธ์ของสินค้าในอนาคต
6. ฯลฯ
ที่เอ่ยมาก็เป็นแค่ตัวอย่างคร่าวๆ เพราะเป็นการตัดสินใจของแต่ละแผนก ดังนั้นเจ้าของกิจการต้องเอาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจแต่ละแผนกมาวิเคราะห์อย่างละเอียด แต่วันนี้ ผมขอพูดเฉพาะเรื่องต้นทุนก่อนละกัน
ต้นทุนสินค้านั้น จริงๆแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1) ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) คือต้นทุนที่กิจการต้องคิดรวมไปกับการผลิต ไม่ว่าจะผลิตมากน้อยขนาดไหน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าในส่วนของออฟฟิศ ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าเช่าโกดังเก็บของ ค่ารถรับส่งพนักงาน พูดง่ายๆ ผลิตหรือไม่ผลิตก็ต้องเสียอยู่ดี (จ่ายไปเฉยๆ)
2) ต้นทนผันแปร (Variable Cost) คือต้นทุนที่แปรผันตรงกับปริมาณการผลิต เช่น ปริมาณวัตถุดิบ ส่วนผสม ค่าน้ำค่าไฟฟ้าสำหรับการผลิต ค่าจ้างแรงงานการผลิต ค่าแพ็กสินค้า พูดง่ายๆคือตัวไหนที่ผลิตมากและต้นทุนตัวนั้นมากก็ถือเป็นต้นทุนผันแปร
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าการจำแนกต้นทุนนั้นเป็นอย่างไร คราวนี้ผมมีตัวอย่างง่ายๆมาลองให้วิเคราะห์
บริษัท A. จำกัด ผลิตโอ่งมังกร โดยใช้วัตถุดิบจากจังหวัดราชบุรี โดยปกติมีแรงงาน 50 คนในการผลิตโอ่ง ซึ่งปกติแล้วจะผลิตได้วันละ 150 ใบ (อบและทำลายมังกรแล้ว) หรือกำลังการผลิต 3 ใบต่อคน ซึ่งโดยปกติขายใบละ 200 บาท โดยจำแนกต้นทุนของโอ่งมังกรได้ดังต่อไปนี้
ค่าดิน (รวมขนส่ง) 10 บาทต่อใบ
ค่าน้ำและไฟฟ้าการผลิต 5 บาทต่อใบ
ค่าเตาอบ 10 บาทต่อใบ
ค่าจ้างแรงงาน 50 บาทต่อใบ
โดยมีต้นทุนคงที่อยู่ที่ 5,000 บาทต่อวัน (ค่าใช้จ่ายสำนักงาน)
ค่าขนส่งโอ่งไปขาย 20 บาทต่อใบ
ค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการขายอยู่ที่ 10 บาทต่อใบ
ต่อมาบริษัทนั้นรับคำสั่งผลิตโอ่งเพิ่มอีก 100 ใบจากลูกค้าต่างประเทศ ผู้จัดการเห็นว่าถ้าผลิตเองจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกจากคนงาน ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่มใบละ 20 บาทเป็นโอที
โดยไปถามบริษัททำโอ่งใกล้เคียงพบว่า ถ้าจ้างผลิต บริษัทนั้นคิดค่าผลิตพร้อมขนส่งให้ใบละ 120 บาท ผู้จัดการควรทำอย่างไรจะจ้างหรือผลิตเอง
การวิเคราะห์ขั้นแรกก็ต้องจำแนกก่อน
กรณี ผลิตปกติ
ค่าใช้จ่ายคงที่ 5,000 บาทต่อวัน
ต้นทุนผันแปร ได้แก่ ค่าดิน ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ ค่าเตาอบ ค่าจ้างแรงงาน ค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายการขายและการตลาด เท่ากับ 10+5+10+50+20+10 =105 บาทต่อใบ
ผลิต 150 บาท ดังนั้นต้นทุนผันแปรต่อวัน =105x150 = 15,750 บาท
ต้นทุนรวมคือ 5,000+15,750 = 20,750 บาทต่อวัน (138.33 บาทต่อใบ)
กรณี คำสั่งเพิ่มและผลิตเอง (เพิ่มโอที)
ค่าใช้จ่ายคงที่ 5,000 บาทต่อวัน
ผลิต 150 ใบแรก ต้นทุนผันแปร 15,750 บาทต่อวัน
ผลิตอีก 100 ใบ:
ต้นทุนผันแปร ได้แก่ ค่าดิน ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ ค่าเตาอบ ค่าจ้างแรงงาน ค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายการขายและการตลาด เท่ากับ 10+5+10+(50+20)+20+10 =125 บาทต่อใบ
ผลิต 100 บาท ดังนั้นต้นทุนผันแปรต่อวัน =125x100 = 12,500 บาทต่อวัน
ดังนั้นต้นทุนต่อวันคือ 5,000+15,750+12,500 บาท = 33,250 บาทต่อวัน (133 บาทต่อใบ)
กรณี คำสั่งเพิ่มและจ้างผลิต
ค่าใช้จ่ายคงที่ 5,000 บาทต่อวัน
ผลิต 150 ใบแรก ต้นทุนผันแปร 15,750 บาทต่อวัน
จ้างผลิต 100 ใบๆละ 120 บาท มีต้นทุน 100x120 = 12,000 บาท
ดังนั้นต้นทุนต่อวันคือ 5,000+15,750+12,000 บาท = 32,750 บาทต่อวัน (131 บาทต่อใบ)
สรุปได้ว่า
ปกติผลิต 150 ใบ ต้นทุนรวม 138.33 บาทต่อใบ
ผลิตเองเพิ่ม 100 ใบ รวมเป็น 250 ใบ ต้นทุนรวม 133.00 บาทต่อใบ
ผลิตเองและจ้างเพิ่ม 100 ใบ รวมเป็น 250 ใบ ต้นทุนรวม 131.00 บาทต่อใบ
จะเห็นได้ว่าหากมีคำสั่งเพิ่มการผลิตอีก 100 ใบ บริษัทควรต้องจ้างผลิตเพื่อให้ต้นทุนรวมของโอ่งน้อยที่สุด
จากตัวอย่างที่ตกมาให้นั้นเป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆมาให้วิเคราะห์กันนะครับ ส่วนในชีวิตจริงนั้นมีควาซับซ้อนมากมาย ลองกลับไปทำกับธุรกิจของคุณดู
วันนี้ก็เอาตัวเลขมาทำให้ปวดหัวแค่นี้ พรุ่งนี้จะมาเขียนเรื่องอะไร ติดตามทาง Facebook ของ SMEfriend นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น