วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Check-In (Check-In Strategy): สร้างโอกาสของธุรกิจด้วย Facebook

กลยุทธ์ Check-In (Check-In Strategy)
สร้างโอกาสของธุรกิจด้วยเครื่องมือง่ายๆใน Facebook


กลับมาอีกครั้งกับบทความที่ทาง SMEfriend บรรจงคัดสรรเนื้อหามาเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ อาจจะห่างหายไปนานบ้างกับบทความเพราะต้องบอกตรงๆเลยว่างานประจำนั้นรัดตัวมาก กลับมาก็เขียนได้นิดหน่อยก็ต้องไหลลงไปนอนทุกที แต่ยังไงก็ต้องมาตามหน้าที่ และวันนี้ผมของนำเสนอบทความที่แต่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เห็นได้เจอมาเลยก็ว่าได้ บวกกับเห็นช่องทางแล้วจึงอยากนำมาบอกเล่าสำหรับชาว SMEfriend

“คุณรู้จัก Facebook ไหม?” มันคงเป็นคำถามไม่น่าจะถามสำหรับยุคสมัยนี้ไปแล้ว “คุณรู้จักการใช้ Facebook ดีขนาดไหน” คำถามนี้หลายๆคนคงเริ่มทำหน้างง “คุณใช้ feature ใน facebook สร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจคุณได้ดีขนาดไหน” อันนี้คงทำให้หลายๆคนหยุดคิดไปนาน ใช่แล้วครับวันนี้ผมจะขอนำเสนอกลยุทธ์การใช้สิ่งที่มีอยู่ใน Facebook (เครื่องมือสื่อสารการตลาดที่นิยมมากที่สุดในขณะนี้) ซึ่งก็คือ feature ที่หลายคนใช้กันคือการ Check-In การเช็คอินของการใช้เฟซบุ๊คนิยมใช้กันมากขึ้นมาก ดังนั้นเรามาดูว่ามันช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจเราได้อย่างไรบ้าง

รู้จัก Check-In
Check-In เป็น feature หนึ่งของเฟซบุ๊คที่ทุกคนมีใช้กัน โดยหากเราต้องการอัพสถานะของเราผ่านเฟซบุ๊คนั้นก็จะมีทั้งการโพสต์ข้อความ รูปภาพ กับใครและที่ไหน ซึ่งเราสามารถแชร์เรื่องราวต่างๆให้เพื่อนๆของเราหรือคนทั่วไปรู้ว่าเรา “ทำอะไร” “ที่ไหน” “กับใคร” และมีหลักฐานยืนยันด้วย เพียงแค่คลิกเลือก Check-In แล้วเลือกสถานที่ที่เราอยู่หรือสถานที่ใกล้เคียงเท่านั้นเอง

ที่มาของกลยุทธ์ Check-In
กลยุทธ์นี้ผมคิดได้ตอนได้ไปนั่งกิอาหารอีสานแห่งหนึ่งแถวริมเขื่อนลำตะคลอง ปากช่อง โคราชโน่น โดยร้านที่ไปนี่ต้องบอกก่อนเลยว่าไปแบบสุ่มๆเพราะไม่รู้จริงๆว่าแถวนั้นร้านไหนอาหารอร่อย ก็เลยเปิดพวกเว็บรีวิวดู พอมาถึงร้านก็ประทับใจบรรยากาศและอาหาร (อร่อยโอเคเลยล่ะ) และพอใกล้จะกลับก็คิดว่าร้านอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างจังหวัดนั้นมีข้อจำกัดคือการโปรโมทร้านเพราะช่องทางให้นักท่องเที่ยวรู้จักได้ทั้งประเทศนั้นยากมาก ยิ่งร้านเล็กๆแต่อร่อยยิ่งจะเสียเปรียบร้านใหญ่ที่ใครมักจะคิดว่าดีแต่จริงๆแล้วอาจไม่ก็ได้ แต่จะได้เปรียบเพราะเขา PR ได้ดีกว่า บวกกับตัวเองเป็นคนที่ใช้สมาร์ทโฟนแชร์พวกสถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านอาหารอร่อยๆอยู่แล้วจึงนึกว่า หากเราใช้สิ่งที่มีอยู่ใน Facebook มาช่วยดันธุรกิจที่มีอยู่ก็จะดีไม่น้อย เลยคิดถึงเรื่องการ Check-In (ส่วนตัวไม่ชอบ Check-In) ที่สามารถบอกคนทั้งโลกได้ว่าเราอยู่ไหน โดยไม่ต้องเสียสตางค์สักกะติ๊ดในการป่าวประกาศออกไป

แล้วทำอย่างไรถึงจะได้ผลล่ะ

ผมลองทำแผนผังของการทำโปรโมชั่นโดยใช้การเช็คอินแบบง่ายๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านลองนำไปประยุกต์ดูกับธุรกิจของตนเองนะครับ ก็ลองอ่านจากชาร์ทรูปด้านล่างนี้นะครับ


Owner Preparation
เป็นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของเจ้าของธุรกิจที่ต้องเตรียมตัวก่อนการใช้โปรโมชั่น
ข้อ 1) การสร้างแฟจเพจเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปกด Like และเช็คอินสถานที่ตั้งของร้าน
ข้อ 2) เตรียมความพร้อมของพนักงานในร้านให้ได้รับรู้ว่าเราทำอะไร และลูกค้าต้องทำอะไร รวมถึงการเปิดให้ลูกค้าได้เข้าถึงอินเตอร์เน็ต คือการติดบริการฟรี WiFi
ข้อ 3) ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นตัวทีเด็ด เพื่อให้ลูกค้าได้นำเอาไปเป็น Talk of the Town
ข้อ 4) สร้างจุดเด่นของสถานที่สำหรับลองรับลูกค้าที่ชอบถ่ายรูปเพื่อแชร์บอกต่อในเครือข่ายเพื่อนๆ

Owner Strategies
เป็นขั้นตอนการการเตรียมโปรโมชั่นรองรับกลยุทธ์ เนื่องจากเราเน้นการใช้ปุ่ม "Check-In" ดังนั้นเราต้องเข้าใจการใช้ของมันด้วยว่าปัจจุบันนั้นผู้บริโภคเขาใช้เฟซบุ๊คกันอย่างไร
1) พฤติกรรม Check-In อย่างเดียว
2) พฤติกรรม Photo Sharing อย่างเดียว
3) พฤติกรรม Check-In และ Photo Sharing พร้อมๆกัน

กลยุทธ์การ Check-In นี้จริงๆแล้วต้นทุนการทำนั้นไม่มากเลย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือการสื่อสารข้อมูลทางการตลาดของเราออกไปให้คนทั้งโลกทั้งประเทศได้รับรู้ ลองคิดดูง่ายๆว่าลูกค้า 1 คนมีเพื่อนเฉลี่ยอยู่ 130 คน แล้วหนึ่งวันมีลูกค้าเข้ามากี่คนก็คูณจำนวนกลุ่มเป้าหมายของเราไปได้เลย รับรองภายในไม่กี่สัปดาห์ธุรกิจของคุณก็จะมีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้นเป็นหลักพันหักหมื่นแน่ๆ

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Instagram Marketing: แอบสร้างแบรนด์ด้วยแอพสุดฮอต

เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วถ้าถามคนใช้สมาร์ทโฟนทั่วไปว่า "รู้จัก Instagram หรือเปล่า?" ผมก็บอกได้เลยว่าน้อยมาก แต่ปัจจุบัน Instagram กลายเป็นแอพพลิเคชั่นถ่ายและแชร์รูปสุดฮิตของประเทศสยามเราไปแล้ว โดยในตอนแรกนั้นมีเล่นกันในหมู่ของดาราและเซเลบ จนตอนหลังนี้คนธรรมดาก็หันมาเล่นมากขึ้นจนทุกวันนี้มันก้าวข้ามมากกว่าแอพถ่ายรูปไปสู่รูปแบบของการสื่อสารการตลาดบนโลกออนไลน์แล้ว


ภาพจาก: http://www.noobpreneur.com


แนะนำที่มาและที่ไป (สั้นๆ)
Instagram เป็นแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพและสามารถแชร์ภาพผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทั้งเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ได้พร้อมกัน ถือกำเนิดมา 4-5 ปีแล้ว ในตอนแรกนั้นเป็นแอพที่อยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS ของสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone4 เป็นหลักจนปัจจุบันั้นขยายขอบเขตไปยังมือถือระบบ Android เรียบร้อยแล้วทำให้สังคมของ Instagram นั้นกว้างขวางไม่จำกัดขอบเขตอีกต่อไป และที่สำคัญคือตอนนี้ได้ถูก Facebook ซื้อกิจการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก: http://www.919marketing.com
วิธีการใช้ก็แสนง่ายเพียงหยิบสมาร์ทโฟนของคุณขึ้นมาเปิดโปรแกรมถ่ายหรือเลือกภาพจากมือถือของคุณเอง ต่อมาก็เลือก Filter ของ effect ว่าต้องการเลือกภาพแนวไหน มีทั้ง Lomo, Vintage หรือจะแบบขาวดำก็มีให้เลือกกว่า 20 แบบ จากนั้นก็สามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อสาร และสามารถเลือกแชร์ผ่าน Instagram อย่างเดียวหรือจะผ่านทั้ง Facebook และ Twitter ก็ได้ (แต่ต้องมี Account ของทั้งสองอันนะครับ) จากนั้นรูปของคุณก็จะขึ้นแชร์สู่สาธารณชนทั้งโลก และเพื่อนของคุณก็สมารถมองเห็นได้เช่นกัน อ่อ ลืมบอกไปว่าเราสามารถ tag ข้อความที่เกี่ยวกับรูปที่เราถ่ายได้ (เหมือน twitter) โดยใส่เครื่องหมาย # และตามด้วยข้อความภาษาอังกฤษ (ไทยก็ได้แต่ไม่เห็นเวลา search นะครับ)


สร้างแบรนด์ผ่าน Instagram
ภาพจาก: http://cdn2.business2community.com
จริงแล้วเรื่องนี้มีมานานแล้วนะครับ ดาราหลายๆคนก็ใช้ Instagram นี้โปรโมตละคร เพลง ภาพยนต์ สินค้าที่ตนเป็นพรีเซนเตอร์ แบรนด์ของตนเอง ฯลฯ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME เราก็ต้องหัดใช้สื่อที่ตอนนี้ได้รับความนิยม โดยเฉพาะธุรกิจประเภทบริการที่เน้นการนำเสนอผลิตภัฑณ์ผ่านภาพถ่ายเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ แต่ก่อนเราจะเริ่ม เรามารู้ว่า Instagram จะช่วยเราได้อย่างไรก่อน




1. Instagram สามารถสร้างเครือข่ายลูกค้าของเราผ่านทางข้อมูลผู้ติดต่อ หรือ Contact ที่อยู่ในมือถือของเรา ผ่านทางเพื่อนในเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ เราลองกดเสิร์ชในหน้า Profile ของเราเอง ถ้าเพื่อนของเราในช่องทางใดช่องทางหนึ่งเล่น Instagram เราก็สามารถเพิ่มเขาเป็นเพื่อนได้ทันที ดังนั้นภาพที่เราถ่ายและแชร์ไปก็จะไปโชว์ในหน้า New Feed ของเพื่อนๆของเราได้ แค่นี้เครือข่ายของเราก็พิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว
2. Instagram สามารถให้ผู้อื่นๆเสิร์ชหารูปต่างๆผ่าน tag หรือ #XXX ที่เราแนบไปด้วย เช่น หากลูกค้าชาวแคนาดาเล่น Instagram และเสิร์ชหา tag ว่า #thaifood ภาพและ Username ของผู้ที่แนบ tag ว่า #thaifood ก็จะแสดงออกมา แค่นี้มันก็ทำให้เราเข้าถึงลูกค้ารายอื่นๆได้ง่ายขึ้น ตามภาพด้านบนเลย


แค่นี้สินค้า ผลิตภัณฑ์หรืองานบริการของคุณก็จะไปอวดสายตาคนทั้งโลกได้ง่ายๆโดยแค่ปลายนิ้ว


จริงแล้ว Instagram นั้นเป็นแอพที่เหมาะกับการสร้างแบรนด์ของธุรกิจบริการจริงๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ รีสอร์ท โรงแรม ห้องพัก ห้องเช่า หอพัก ฯลฯ ที่บางครั้งลูกค้าต้องการข้อมูลคร่าวๆ เช่น ภาพถ่ายมาประกอบการตัดสินใจ เหมาะมากกับธุรกิจขนาดเล็กๆที่ต้องการขยายฐานลูกค้าเดิมออกไป เป็นการสื่อสารทางการตลาดอีกวิธีที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ของอย่างนี้ก็ปากต่อปากล่ะครับ
ส่วนใครจะดังจะแป๊กนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับว่าของคุณนั้นดีจริงแค่ไหน ต่อให้ถ่ายภาพเก่งแต่ของไม่ดี ลูกค้าเขาก็มาครั้งเดียวและหายไปอย่างแน่นอน


ปล. Instagram เพิ่งจะหยุดทำงานไปวันเต็มๆกับเหตุกาณ์พายุถล่มทำเอา Server เสียหายแต่ตอนนี้ก็กลับมาได้แล้ว (01-07-55)


พบกันบทความดีมีประโยชน์ในครั้งหน้า สวัสดีครับ