วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

CSR กับธุรกิจขนาดเล็ก (ถึงเล็กมาก)

CSR กับธุรกิจขนาดเล็ก (ถึงเล็กมาก)



พอดีวันนี้ได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มีบทความสัมภาษณ์คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท. ซึ่งได้หมดวาระไปเป็นที่เรียบร้อย บทความหนึ่งหน้าพูดถึงหลายๆอย่างที่คุณประเสริฐได้ทำมาให้กับปตท. แต่ท้ายๆบทความคุณประเสริฐได้พูดถึงเรื่อง "ความรับผิดชอบต่อสังคม" หรือ "CSR (Corporate Social Responsibility)" ว่าอยากให้ปตท.ดำเนินเรื่องทาง
สังคมต่อไป พออ่านจบก็นึกได้ว่าน่าจะนำมาเขียนลงบล็อกของตัวเองบ้าง


แต่เนื่องจากว่า SMEfriend ของผมได้เน้นการให้คำปรึกษาด้านการตลาด กลยุทธ์องค์กรและการทำ e-business กับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เล็กมากก็ทำด้วย) เลยคิดว่าจะเขียนง่ายๆให้เห็นภาพได้อ่านกัน หลายคนอาจคิดว่า CSR เป็นเรื่องไกลตัวแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย

ความหมายของ CSR
CSR policy functions as a built-in, self-regulating mechanism whereby business monitors and ensures its active compliance with the spirit of the law, ethical standards, and international norms. The goal of CSR is to embrace responsibility for the company's actions and encourage a positive impact through its activities on the environment, consumers, employees, communities, stakeholders and all other members of the public sphere. (Wikipedia, 2011) แปลให้เป็นภาษาบ้านๆจะได้ว่า "เป็นการสร้างผลกระทบทางบวกให้กับองค์กรในด้านสิ่แวดล้อม ลูกค้า พนักงาน สังคม ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทและคนในสังคมทั่วๆไป" นี่ก็เป็นคำอธิบายง่ายคือการคืนกำไรให้กับสังคมในรูปของเงิน สิ่งของ กิจกรรม ฯลฯ

CSR แบบง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก


บางคนถามว่า ไม่มีเงินทำ CSR เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆจะทำยังไง ผมตอบง่ายๆเลย อันดับแรกที่ธุรกิจเล็กๆถึงเล็กมากสามารถทำได้คือ การเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พูดไปหลายคนทำตาโต ผมไม่ได้ว่าธุรกิจคุณทุกคนโกงภาษีนะครับ เพียงแต่บอกว่าถ้าเราข่ายภาษีตามเงินได้ของเราหลังจากหักส่วนลดหย่อนต่างๆไปแล้ว เสียตามอัตราทั่วไป (30% ของเงินได้) คุณก็ถือว่าได้มีสาวนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว เพราะภาษีของธุรกิจคุณนั้นทางรัฐจะนำไปพัฒนาประเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่นเล็กจนถึงระดับชาติ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชนทั่วไปนั่นเอง


ต่อมาคือ การไม่รบกวนสิ่งเแวดล้อม หลายคนบอกว่า ผมขายต้นไม้จะทำลายรบกวนสิ่งแวดล้อมได้ไง ผมไม่ได้พูดถึงแค่สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เช่น ดิน น้ำ อากาศ แต่ผมพูดถึงสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆคุณรวมถึงคนในสังคมด้วย เพราะถึงแม้คุณจะเปิดร้านขายต้นไม้ให้ออกซิเจนกับโลก แต่กระถางต้นไม้ของคุณ ป้ายร้านของคุณขวางฟุตบาททางเท้าประชาชนทั่วไปเดินไม่ได้ นั่นล่ะคุณได้เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกแล้ว ฉะนั้นการทำธุรกิจอะไรต้องมองรอบตัว มองสิ่งรอบข้างไม่ทำให้ใครเดือดร้อน


ลำดับต่อมาคือ การทำธุรกิจซื่อสัตย์ต่อลูกค้า อันนี้คือ CSR ที่อยู่ในคุณธรรมของแต่ละคน บางธุรกิจซื่อสัตย์ต่อลูกค้ามาก ทำให้ลูกค้าติด นั่นล่ะเขาเกิดความเชื่อถือในตัวเราแล้ว หากเราโกหกหรือทรยศลูกค้า เช่น เมื่อวานบอกเสื้อสามตัวร้อย ลูกค้าอยากได้แต่ยังไม่ซื้อ พอรุ่งขึ้นบอกว่าเหลือสองตัวร้อย อย่างนี้ลูกค้าก็หมดความเลื่อมใสในตัวเราแล้ว โดยเรื่องคุณธรรมนี่มันเริ่มมาจากเจ้าของธุรกิจเอง หากเจ้าของธุรกิจมีแนวคิดการค้าแบบตรงไปตรงมาซื่อสัตย์ พนักงานในบริษัทก็จะมีแนวคิดเหมือนๆกัน (เอาเป็นตัวอย่าง)


จิตสำนึกด้านบริการ (Service Mind) เรื่องนี้สำคัญมากกับธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ทโรงแรม สปา ธนาคารหรือแม้แต่ร้านกาแฟโบราณ เรื่องนี้เป็นจุดบอดของคนไทยอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้กำชับพนักงานในเรื่องการบริการเท่าที่ควร การยิ้มขณะเจรจาหรือบริการลูกค้าก็ถือว่ามี Service Mind แล้ว ผมแนะนำเลยว่าอาหารของร้านอร่อยหรือไม่อร่อยก็ไม่สำคัญเท่ากับบริการของร้าน เพราะเรื่องกิริยามารยาทนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวของสังคมไทยอย่างมาก


ที่ผมยกตัวอย่างมาก 4 ตัวอย่างนี้ ยังถือว่าเป็นการทำ CSR แบบง่ายๆไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่ลงแรงเบาๆอย่างเดียว ก็สามารถขับเคลื่อนธุรกิจคุณไปพร้อมกับการรับผิดชอบต่อสังคมได้ ไม่แพ้องค์กรยักษ์ใหญ่แบบปตท.แต่อย่างใด

พรุ่งนี้มาติดตามตัวอย่าง CSR เด็ดๆขององค์กรใหญ่เขาทำกันว่ามีกลยุทธ์และผลพลอยได้อะไรกลับมาบ้าง อย่าพลาดนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น