วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Car Park Scanning: ไม่ต้องวนรถให้เสียเวลา

วันนี้ได้มีโอกาสไปดูหนัง Mission Impossible 4: Ghost Protocol ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ก่อนที่จะไปพูดถึงเนื้อหา ขอนอกเรื่องเกี่ยวกับหนังสักหน่อย ว่าใครพลาดไปคงเสียดายแย่ แต่ไม่เป็นไรรอ DVD VCD ออกมาค่อยไปอุดหนุนซื้อแผ่นมาสเตอร์มาดูก็ได้


ด้วยความที่ว่าอยากเป็นวันชิลล์สบายๆเลยขับรถเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่โดนน้ำท่วมกระหน่ำกันไป ขาไปได้ขับรถขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทล์เวย์ ซึ่งทำให้ได้เห็นกองขยะมหึมาตามข้างถนนหรือหน้าชุมชน ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีสำหรับสุขอนามัยของประชาชน รวมถึงขากลับที่ได้เห็นกองขยะหน้าตลาดดอนเมืองเรื่อยๆไปจนถึงตรงข้างฟิวเจอร์ ปาร์ค ซึ่งถือว่าเป็นความผิดของผู้นำคือผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีที่ปล่อยปะละเลยกับเรื่องสำคัญอย่างนี้


วันนี้พอเลี้ยวเข้าไปต่อคิวรับบัตรที่ป้อมรปภ.ของเซนทรัลลาดพร้าว ก็สะดุดสายตากับป้ายขนาดประมาณ 50x100 ซม. มีไฟ LED บอกข้อมูลโดยซ้ายสุดจะเป็นเลขของชั้นจอดรถ ด้านขวาจะเป็นตัวเลขแตกต่างกันไป ซึ่งนั่นคือตัวเลขบอกจำนวน "ที่จอดรถว่าง" จะให้สีเขียวซึ่งบ่งบอกว่าขึ้นไปจอดได้ ซึ่งหน้าเสียดายที่รถมันเยอะ ผมเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู ในใจเลยคิดมาทันทีว่า แล้วมันนับได้อย่างไร ค่าใช้จ่ายต้นทุนมันแพงมั้ยและมีทุกๆสาขาเลยหรือเปล่า ณ ตอนนี้ความอยากรู้เรื่องที่จอดรถนั้นเข้ามาในหัวแล้ว จึงดิ่งขึ้นไปจอดทันที


เมื่่อขับขึ้นไปในแต่ละชั้นจะพบกับป้ายแสดงพื้นที่ว่างของที่จอด โดยเขาจะบอกว่าชั้นนี้ว่างเท่าไหร่ โซนต่างๆในชั้นจะว่างเท่าไหร่ ทำให้ผู้มาใช้บริการนั้นสามารถวางแผนตัวเองได้ว่าจะเข้าไปด้านในหรือขึ้นชั้นต่อไปดี ณ ตอนนี้ในใจเริ่มคิดแล้วว่าถ้าจะนับจำนวนว่าเหลือเท่าไหร่ เต็มหรือยังทำอย่างไร สมองก็คิดเลยว่าทำได้สองวิํธีคือ 1) วัดจากความร้อน 2) ใช้ตัวเซ็นเซอร์แบบอินฟาเรด ดังนั้นเลยตั้งใจขับขึ้นไปชั้น 2 1/2C ซึ่งป้ายบอกว่าว่างอยู่ 378 คัน ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าว่างจริงๆ เมื่อผมขับเข้าไปยังช่องว่างใกล้ๆทางเข้าแล้วก็พบว่า สมมติฐานตัวเองถูกต้องคือเขาได้ออกแบบตัวนับโดยใช้เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งด้านบนเพดานในแต่และซองจอด เวลาไม่มีรถจอดจะไม่มีไฟขึ้น แต่พอจอดรถปุ๊บไฟแดงก็จะขึ้น ณ ตอนนั้นจำนวนก็คงลดลงไปด้วย ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นแบบ real time อย่างข้างมาก ซึ่งว่ามันคือนวัตกรรมการจอดรถของประเทศไทยเลยทีเดียว






ในด้านธุรกิจซึ่งถือว่าใช้เงินลงทุนมากทีเดียว แต่ถ้ามองถึงประโยชน์และการบริหารการจอดรถนั้นถือว่าคุ้มมาก เพราะลูกค้าจะไม่หงุดหงิดกับการเลือกชั้นจอดรถเลย ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานน้ำมันรถด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความประทับใจตอนสิ้นปีของผมเลยก็ว่าได้ ซึ่งหวังว่าห้างสรรพสินค้าอื่นๆทั้งค้าปลีกหรือสโตร์ต่างๆจะนำไปใช้กันบ้างนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น