วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

CSR กลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์องค์กร (ต่อจากเมื่อวาน)

CSR กลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์องค์กร


ต่อจากเมื่อวานที่ได้เขียนถึงสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมหรือที่ชอบเรียกกันว่า CSR ไปสองบริษัท
แล้วซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เพื่อให้มองเห็นภาพว่าแต่ละองค์กรเขามีการจัดการด้านนี้กันอย่างไรอย่าง SCCC หรือปูนนครหลวงนั้นเน้นกีฬาและการช่วยเหลือชุมชนบริเวณรอบๆโรงงาน ส่วน AIS นั้นจะเน้นด้านครอบครัวในกิจกรรมสานรัก รวมถึงการจัดหาทุนการศึกษาด้วย วันนี้อย่างที่รับปากไว้ว่าจะมาชำแหละให้ครบ 5 องค์กร งั้นก่อนที่จะไปวิเคราะห์กัน ผมต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่ผมเขียนวิเคราะห์มานี้เป็นมุมมองของผมและบวกกับความรู้ที่ร่ำเรียนมาบ้าง อ่านข่าว หนังสือต่างๆมาบ้าง อาจจะไม่ตรงใจใครก็ช่วยแนะนำ เขียนคอมเมนต์มาก็ได้นะครับ ผมเปิดรับทุกความเห็น

ปตท. ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอันดับหนึ่งของประเทศ

สืบเนื่องจากมีผู้ถือหุ้นเป็นรัฐบาลไทย (กระทรวงการคลัง) ทำให้ปตท.ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ดีอยู่
ตลอดเวลา หลังจากมีกระแสข่าวตั้งแต่แปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นมหาชน ยิ่งมีข่าวว่ากำไรอื้อซ่า ทำให้ปตท.นั้นต้องเน้น CSR มากขึ้นๆ เนื่องจากกำไรแต่ละปีว่ากันเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้าน ทำให้ปตท.มีงบประมาณมากมายในการทำ CSR ซึ่งสามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ดังนี้

1. การศึกษา สร้างกิจกรรมสิ่งประดิษฐ์ มอบทุนการศึกษาถึง 300,000 บาท หรือ “โครงการเพื่อเด็กและเยาวชน ประจำปี 2554 (PTT YOUTH CAMP 2011)" โดยเป็นลักษณะการนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียนทั่วประเทศ

2. ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย "กลุ่ม ปตท. รวมใจช่วยภัยน้ำท่วมรวม 30 ล้านบาท"  สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน

3. จัดกิจกรรมเพื่อความปลอดภัย “ขับขี่ปลอดภัย รักวินัยจราจรกับกลุ่ม ปตท. ประจำปี 2554 รุ่นที่ 73” โดยกิจกรรมดังกล่าวนั้นจัดมาตั้งแต่ปี 2540 ที่เน้นสร้างพฤติกรรมการขับรถให้ปลอดภัย ซึ่งกิจกรรมนี้สามารถนำไปประเมินเพื่อได้ใบอนุญาตขับขี่ได้อีกด้วย

จากกลยุทธ์และกิจกรรม CSR ที่ปตท.ได้ทำขึ้น นั้นแสดงให้เห็นว่าองค์กรนี้นั้นเน้น CSR ในทุกๆด้าน (ยังมีอีกหลายกิจกรรมไม่ได้นำมาเขียน) ซึ่งตรงกับแผนภูมิผู้ที่เกี่ยวข้องกับ CSR ซึ่งอย่างที่บอกว่าก่อนจะมาเป็นองค์กรมหาชนในปัจจุบัน อดีตปตท.เองก็เกือบเอาตัวไม่รอด (พวกจ้องล้ม) ซึ่งจึงต้องเน้นการสร้างมวลชนจากกิจกรรมที่ลงทุนไป ซึ่งถามว่าตรงนี้ผมว่าการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่มีธรรมาภิบาลกับกำไรมหาศาลจากราคาน้ำมันนั้นต้นทุนที่จ่ายไปเผลอๆประเมินค่าไม่ได้


รายต่อมาคือ โตโยต้า
ไม่ต้องพูดเยอะเลยกับโตโยต้าในเรื่อง CSR เพราะเราได้เห็นสปอตโฆษณามาเยอะ ทั้งถนนสีขาว (ขับขี่ปลอดภัย)  การสร้างเมืองจราจรจำลองหรือแม้กระทั่งการโปรโมตรถ "ไฮบริด" ที่บอกว่าประหยัดน้ำมัน ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น อะไรก็ว่ากันไป


ซึ่งสรุปและฟันธงไปได้เลยว่ากลยุทธ์ต่างๆที่เอามาใช้นั้นในเชิง CSR ถือว่าได้ผลคุ้มเกินคุ้ม ไม่เชื่อลองดูจากยอดการจองรถทั้งวีโก้หรือแคมรี ไฮบริดที่มหาศาล ภาพลักษณ์ดังกล่าวถือเป็นการโปรโมตโต
โยต้า ซึ่งถือว่าทำ CSR นั้นเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโตโยต้าเลยก็ว่าได้



สุดท้ายต้องจบด้วย เบียร์ช้าง หรือ ไทยเบฟ
กิจกรรมสุดฮอตของไทยเบฟ คือการแจกผ้าห่มต้าภัยหนาว หรือ "ไทยเบฟรวมใจ ต้านภัยหนาว" ที่เขาจัดกิจกรรมมายาวนาน ถึง 11 ปี แจกไปแล้วกว่าล้านผืน เพื่อให้พี่น้องชาวไทยทางภาคเหนือและอีสานตอนบนได้รับไออุ่นจากคนเมือง


ต้องบอกว่า 11 ปีกับกิจกรรมนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์นั้นก็คือรากหญ้าซึงสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของเบียร์ช้างอยู่แล้ว ซึ่งกลยุทธ์ทาง CSR ด้านนี้นั้นก็ครองใจรากหญ้าเป็นที่เรียบร้อย ลองดูจากยอดขายของเบียร์ช้างที่แซงสิงห์ไปไกลแล้ว


นี่ก็ยกตัวอย่าง CSR แบบยักษ์ใหญ่เขาทำกัน ใช่ว่าธุรกิจเล็กๆจะทำไม่ได้ เราลองหัดประยุกต์ใช้ให้เข้ากับเงินทุนและรูปแบบธุรกิจของเรา ก็สามารถสร้าง CSR ของเราได้เองแล้ว

วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน พบกันใหม่พรุ่งนี้ แล้วติดตามผ่าน facebook ว่า SMEfriend นั้นจะมีบทความอะไรต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น