ช่วงวันที่ 1-4 กันยายน 54 นี้มีงานมหกรรมไทยเที่ยวไทย ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ผมเองไม่เคยได้ไปสักที ทั้งที่ปีก่อนๆจัดที่อิมแพ็ค เมืองทอง ซึ่งได้แต่ถามเพื่อนๆคนรู้จักซึ่งก็รู้ว่า อ่อ เป็นแหล่งขายแพ็คเกจท่องเที่ยวราคาถูก (ถูกว่าราคาจริงมากๆ) โดยเน้นการท่องเที่ยวในไทย ส่วนท่องเที่ยวต่างประเทศก็มีบ้าง ขายพ่วงกันไป โดยผู้ที่มาเปิดบู๊ทขายบริการท่องเที่ยวนั้น ผมซักถามไปมาพอสุรปได้ดังนี้
1. เจ้าของรีสอร์ท โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวมาขายเอง
2. เอเยนต์ (นายหน้า) ซื้อเจ้าของมาขายเอง โดยจัดหลายๆเจ้ามารวมๆกัน ทั้งที่เที่ยวและที่พัก
3. เอเยนต์ของเอเยนต์มาขาย
4. เอเยนต์ของเอเยนต์ของเอเยนต์มาขาย
5. เอเยนต์ของเอเยนต์ของเอเยนต์ของเอเยนต์ของ...... (นับไม่ถ้วนมาขาย)
โดยภาพรวมแล้วทุกบริษัททัวร์ที่ขายแพ็คเกจล้วนมีใบอนุญาตจัดการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้บุคคลธรรมดาก็สามารถเปิดบริษัททัวร์ได้ ซึ่งก็แล้วแต่ ซึ่งลองเสริ์ชหาในอินเตอร์เน็ตก็จะพบว่าบริษัททัวร์นั้นมีจำนวนมากจริงๆ เลยไม่รู้ว่าใครของจริง ใครตัวปลอม ก็เหมือนตาดีได้ตาร้ายเสีย
อ๊ะๆ ท่านๆผู้ประกอบการทั้งหลายที่ไม่ได้มีโอกาสไปขายที่งาน หรือไม่มีเอเยนต์คนไหนมาจับบริการเราไปขึ้นแพ็คเกจไม่ต้องเสียใจนะครับ ผมมีคำแนะนำดีๆในการขายแข่งกับพวกที่ไปขายที่งานไทยเที่ยวไทย ลองอ่านดูแล้วพิจารณานะครับ ผมขอแบ่งเป็นส่วนๆดังนี้นะครับ
ทำเองลุยเอง ใช่ครับ ท่านผู้ประกอบการจะต้องลงมาทำเอง เราไม่มีเวลามากในการวางแผน เราต้องเร่งรุกบุกเร็วเพื่อต่อสู้กับทัวร์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งทำยังไง ผมจะยกตัวอย่างนะครับ
1. โปรโมตผ่านสื่อราคาถูกแต่ได้ผล ถ้าธุรกิจใดมีเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊คหรือบล๊อก ผมแนะนำให้นำเสนอผ่านอินเตอร์เน็ตเลยครับ ใช้การโฆษณาของเว็บผ่าน Google Adword ผ่านโฆษณาของเฟซบุ๊ค โดยออกแบบข้อความดึดดูดก็สามารถได้ลูกค้าได้ หรือผ่านสื่อที่เป็นเอกสาร เช่น จ้างเด็กแจกใบปลิวหน้างานไทยเที่ยวไทย (ที่จอดรถ+รถไฟฟ้าใต้ดิน) วันละ 500 บาทก็คุ้มแล้ว
2. ติดต่อนำเสนอลูกค้าเก่า ครับฐานข้อมูลลูกค้าเก่ากลับนำมาได้ใช้แล้ว โทรหา อีเมลบอกว่าบริการของเรามีการลดราคาอะไรทำนองนั้น อย่างน้อยถ้าเขาไม่กลับมา เขาอาจจะบอกต่อคนอื่นๆได้ เชื่อเถอะครับถ้าของคุณดีจริง คนไทยชอบราคาถูก การสร้างเครือข่ายลูกค้านั้นสำคัญมากอย่าคิดว่าเขามาเที่ยวรีสอร์ทเราวันเดียวและจะไม่กลับมา
3. นำเสนอพิเศษกว่าในงาน ลองใช้เวลาสักวันไปหาข้อมูลในงาน ดูว่าเขาใช้กลยุทธ์อะไรแข่งกัน ถ้าเขาแข่งกันด้านราคา เราก็ลองทำตามแต่ถ้าเราสู้ไม่ไหว งัดเอาของดีราคาแพงมาสู้ สร้างความแตกต่างให้กับบริการของเรา อะไรเขาไม่มี เราจัดให้เหนือกว่า ไม่ต้องกลัวนะครับ เราตัวเล็กวิ่งเร็ว เขาตัวใหญ่ช้าอืดอาด (สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ M. E. Porter)
4. หาพันธมิตร ครับ ผมกำลังพูดถึงฐานการบริการขนาดใหญ่ คิดง่ายๆ คนเราต้องกิน ต้องขี้ (ขอไม่สุภาพ) ต้อง.... ต้องนอน เราดำเนินธุรกิจแบบใด เราก็หาธุรกิจที่เหลือเข้ามาเป็นพันธมิตร หาแพ็คเกจเที่ยวครบวงจรในตัวทั้งกิน เที่ยว นอนให้ได้ เชื่อผมเถอะว่าคนท้องถิ่นย่อมเข้าใจท้องถิ่นอยู่แล้ว ยิ่งหาได้เยอะ เครือข่ายเรายิ่งกว้าง ราคาต้นทุนยิ่งถูก เราก็สามารถขายได้ถูกลง ลูกค้าสนใจมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. มีรีสอร์ทเล็กๆสำหรับครอบครัวมาพักติดภูเขาอย่างดี ดังนั้นนาย ก.ควรไปหาพันธมิตรด้านอื่นๆ เช่น ร้านอาหารสำหรับครอบครัว คู่รัก หาสถานที่ท่องเที่ยวและดูแลเรื่องการเดินทางไปในตัวและอาจหาร้านขายของที่ระลึก ขายของฝาก ร้านกาแฟไว้ในเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าด้วย เราก็ได้ลูกค้า พันธมิตรเราก็ได้ลูกค้า
5. สุดท้ายเตรียมตัวให้พร้อม ทำไปทำมาตามสี่ข้อข้างต้น ลูกค้าจองที่พักเต็มทั้งปี กลับมาดูตัวเราเองว่าพร้อมขนาดไหน อะไรชำรุด เป็นจุดอ่อนของที่พัก กำจัดให้หมด ที่จอดรถ ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ พนักงานในรีสอร์ทพร้อมแล้วหรือยัง มี Service Mind ขนาดไหน อย่าทำให้ภายนอกดูดี แต่พอลูกค้ามาจริงๆยี้ใส่ ระวังจะไม่มีใครกลับมาเที่ยวอีกนะครับ
นี่ก็เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยเพื่อปรับตัวให้เข้ากับกระแสงานไทยเที่ยวไทยในปีนี้ ไม่ต้องกลัวนะครับว่าเราไม่ได้ออกจะสู้เขาไม่ได้ หนทางธุรกิจยังมีอีกเยอะ ผมเอาใจช่วย SMEs และสินค้าโอทอปทุกคนเสมอ พรุ่งนี้พบกันใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น