วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

ให้โอทอปของคุณเป็นตัวท๊อป ตอนที่ 2

ให้โอทอปของคุณเป็นตัวท๊อป ตอนที่ 2
ต่อจากเมื่อวานกันเลยดีกว่า เนื้อหามากมายเหลือเกิน

3. กำหนดวิสัยทัศน์แะเป้าหมาย หลังจากข้อ 1 และ 2 ที่ต้องหาข้อดี ข้อเสีย โอกาสทางการค้าและการรวบรวมลูกค้าเก่าและใหม่แล้ว ต่อไปคือการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย (บ้านๆเรียกว่าทิศทาง) ให้กับธุรกิจของเรา รวมถึงสินค้าของเรา อันดับแรกเราต้องตั้งเป้าหมายของเราก่อน หรือถ้าทางทฤษฎีคือการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย (Vision & Mission) ของธุรกิจในแต่ละปี บางคนอาจมองหนึ่งปี สองปี หรือสามเดือนหรือหกเดือนก็ได้ ตัวอย่างเช่น เรากำหนดวิสัยทัศน์ของธุรกิจค้าปลาส้ม คือ เป็นผู้ค้าปลาส้มอันดับหนึ่งของภาคกลางในปี 2555 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเราเริ่มมีเป้าหมายชัดเจนแล้วว่าปี 2555 เราจะต้องทำให้ธุรกิจค้าปลาส้มมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่ 1 ในเขตภาคกลาง ต่อมาเราก็กำหนดเป้าหมายในปี 2554 และ 2555 เช่น ปี 2554 ต้องขยายตลาดออกไปนอกจังหวัดหรือเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น หลังจากเราทำตามเป้าหมายปี 2554 แล้ว เราก็มากำหนดเป้าหมายปี 2555 ต่อไป เช่น การขยายการขายทั่วภาคกลางหรือการขายปลาส้มในมินิมาร์ท เซเว่นฯหรือการเพิ่มการผลิตและเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น

4. กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ+สินค้า หลังจากมีเป้าหมาย มีหลักในการดำเนินธุรกิจจากการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายแล้ว และเราได้กำหนดกลุ่มลูกค้า (ใหม่และเก่า) ต่อมาเราก็ต้องกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายในปีนั้นๆ เช่น จากข้อที่แล้วบอว่า ปี 2554 มีเป้าหมายคือการขยายตลาดไปจังหวัดอื่นๆและเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเป็นสองเท่า เราก็ต้องหากลยุทธ์ (ทั้งการผลิต การขาย การตลาด รวมถึงการจัดการภายใน เช่นแรงงาน) ตอบสนองเป้าหมายของเรา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะขยายฐานลูกค้าไปจังหวัดอื่นๆ เราต้องหากลยุทธ์ ได้แก่ หาช่องทางการขาย หาร้านฝากขาย ตัวแทนจำหน่าย สร้างชื่อสินค้าให้เป็นที่กว้างขวาง ฯลฯ หรือถ้าเราอยากขยายการผลิต เราก็ต้องหากลยุทธ์มาช่วย ได้แก่ เพิ่มแรงงาน เพิ่มอุปกรณ์ หาเครื่องจักรมาช่วยลดเวลาการผลิต นี่ก็เป็นตัวอย่างกลยุทธ์ทางธุรกิจเบื้องต้น
     ในส่วนของกลยุทธ์สินค้า เราก็ต้องทำให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้วย เช่น อยากขยายฐานลูกค้าไปจังหวัดอื่นๆ อาจต้องหาข้อมูลว่าลูกค้าในจังหวัดต่างๆรับประทานปลาส้มขนาดไหน ตัวหรือสองตัว (เพื่อทำแพ็คเกจ) ชอบรสชาติอย่างไร (นำมาปรับปรุง) อาจปรับปรุงด้านตราสินค้าให้โดดเด่นขึ้น
     การนำกลยุทธ์มาใช้ในการวางแผนมีทฤษฎีมากมาย เช่น 4Ps หรือพวก Low Cost & Differentiation (ซึ่งจะกล่าวในครั้งต่อๆไป หรืออาจใช้กลยุทธ์บ้านๆก็ได้ไม่จำเป็นต้องตามฝรั่งเค้า เราถนัดแบบไหนก็ทำแบบนั้น ถ้านึกไม่ออก ก็ลองปรึกษาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญตามสถานบันต่างๆได้หรือลองไปปรึกษาตามธนาคารที่มีบริการสำหรับ SME เขาก็จะมีเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้กับเรา

5. เตรียมความพร้อม หลังจากกำหนดกลยุทธ์ต่างๆเสร็จแล้ว นำสิ่งต่างๆเหล่านั้นมากางบนโต๊ะกว้าง แล้วลองดูว่าทรัพยากรในมือของเราทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นนั้นเพียงพอต่อการตอบสนองกลยุทธ์ของเราหรือไม่ บางกลยุทธ์ไม่ต้องใช้ต้นทนเลยก็มี บางกลยุทธ์ใช้เงินบ้างเล็กน้อย บางกลยุทธ์ต้องใช้งบมหาศาล ซึ่งขึ้นอยู่กับเราว่าเรากำหนดกลยุทธ์ยังไง แต่อย่างไรก็ตามพวกการเพิ่มกำลังการผลิตนั้นอาจไม่ต้องถึงขั้นซื้อเครื่องจักรใหม่ เราอาจไปเสาะหายืม เช่าหรือจ้างผลิตจากคนที่มีความสามารถก็ได้ ซึ่งจะได้พูดต่อไปในโอกาสหน้าในเรื่อง Make or Buy (จะจ้างหรือทำเอง)

วันนี้ก็พอให้ภาพเค้าลางแล้วว่าเราจะเตรียมตัวธุรกิจโอทอปอย่างไรให้พร้อม พรุ่งนี้พบกับบทสรุปตัวท็อปของโอทอป อย่าลืมติดตามกันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น