วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ให้โอทอปของคุณเป็นตัวท๊อป

  ก่อนอื่นผมต้องเกริ่นก่อนว่าที่เขียนบทความนี้เพราะตอนแรกเล็งเห็นประโยชน์ของชาวโอทอปที่ตอนนี้กำลังจะเป็นผีตายซาก ซึ่งคิดไปมาคิดมาก็เลยรู้ว่าตอนนี้โอทอปนั้นก็เป็น SMEs ด้วยเหมือนกัน

   โอทอป หรือที่เราเรียกว่า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ONE TAMBON ONE PRODUCT (OTOP) ที่เกิดขึ้นมาสมัยสักเกือบสิบปีสมัยรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เห็นประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำโอทอปในท้องถิ่นหลายสิบปี จึงกลับนำมาใช้กับพี่น้องรากหญ้าคนไทยเพื่อหวังจะให้ชาวท้องถิ่นที่มีภูมิปัญญาได้ใช้ความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจบ้าง ซึ่งก็ได้ผลเพราะเมื่อมีโอทอปและกองทุนหมู่บ้าน 1,000,000 บาทต่อหมู่บ้าน ทำให้รากหญ้าได้ลืมตามอ้าปากได้ จนเกิดการจัด OTOP Expo ที่อิมแพค เมืองทอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ของจากรากหญ้าได้นำมาเสนอสู่สายตาคนเมือง จนมีการจัดอันดับโอทอป 1-5 ดาวแล้วแต่คุณภาพ ซึ่งถ้าเป็นโอทอประดับห้าดาวก็ได้นำไปเสนอขายต่างประเทศได้เงินดอลล่าร์กลับมารวยกันเป็นแถว แต่หลังจากการรัฐประหาร เปลี่ยนนายกฯเปลี่ยนนโยบาย โอทอปของไทยกลายเป็นผู้ไร้ทิศทาง โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้น ทุนไม่มีไม่รู้จะไปหาที่พึ่งยังไง ก็ต้องปิดกิจการไป จนถึงรัฐบาลนายกฯมาร์ค ที่เปลี่ยนเอาโอทอปขึ้นสยามพารากอนสร้างความฮือฮามาก เพราะเป็นที่รู้กันว่าย่านนั้นมีนักท่องเที่ยวมาก แต่กลับผิดคาด เนื่องจากโอทอปในแต่ละปี คนทั้งประเทศรู้กันว่าจัดที่อิมแพค เมืองทอง ซึ่งใหญ่และมีที่จอดรถมาก แต่พอไปจัดที่พารากอน ทำเอาคนทั้งประเทศด่ากันระงม จนมาถึงรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งไม่ได้พูดถึงโอทอปมาก แต่คงให้ความสำคัญเพราะเป็นนโยบายที่รากหญ้าสัมผัสได้

    รู้ถึงความเป็นมาของโอทอปแล้ว ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีสินค้าห้าดาว ซึ่งถ้าสนใจก็เข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.otoptoday.com/ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมโอทอปที่อัพเดทข้อมูลล่าสุดแหล่งสุดท้าย (เว็บอื่นๆตายไปกับโอทอปแล้ว) ผมเป็นคนเที่ยวมาเยอะ ภาคเหนือ อีสาน ใต้ ภาคกลาง ไปไหนก็ได้เห็นโอทอปแต่ละจังหวัดทั้งหัตถกรรม งานฝีมือ อาหาร ขนม สารพัดมากมาย ซึ่งที่ผมเขียนถึงโอทอปวันนี้ ผมจะเน้นกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้โอทอปไทยไปไกลโดยไม่ต้องไปง้อภาครัฐ โดยทำตามขั้นตอนที่ผมจะเขียนต่อไปนี้

1. ตั้งสติ ลืมอดีต พัฒนาสินค้า ใช่ครับ อะไรที่มันแย่ให้มันแล้วๆไป แล้วกลับมามองข้อผิดพลาดตัวเองว่าสาเหตุใดที่ทำให้สินค้าของเราอยู่กับที่ ไม่พัฒนาสู้คนอื่นได้ ผมแนะนำหลักง่ายๆในการหาสาเหตุและการแก้ไขคือการวิเคราะห์ SWOT หรือการวิเคราะห์ปัจจัยภายตัวเราในได้แก่ จุดแข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) และปัจจัยภายนอกตัวเรา ซึ่งมีภัยคุกคาม (Threat) และโอกาสที่จะเกิดขึ้น (Opportunities) หลังจากวิเคราะห์ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน เราจะรู้เลยว่าเราต้องแก้ไขอะไรบ้าง (จากจุดอ่อน) และหาโอกาสในการค้าและหนทางป้องกันที่จะเกิดขึ้น (จากโอกาสและภัยคุกคาม) หลังจากรู้สาเหตุและปัจจัยต่างๆแล้วเราก็นำกลับมาพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งบางสาเหตุอาจใช้เวลามาก หรือเวลาน้อย ต้นทุนมากน้อย เราก็ต้องพยายามกันไป อะไรที่เราทำไม่ได้ก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วย ซึ่งหน่วยงานรัฐท้องถิ่น มีนักวิชาการมากมายคอยให้คำแนะนำ

2. รักษาลูกค้าเดิม หาลูกค้าใหม่ กลับมาดูบัญชีรายชื่อลูกค้า ดูว่าใครยังคบค้าสมาคมกับเราบ้างและรายไหนหายไป โทรติดต่อกลับไปบอกเขาว่าเรากลับมาแล้ว อาจเป็นการแจ้งทางโทรศัพท์ อีเมลหรือจัดงานอีเวนท์เล็กๆและเชิญเขามาร่วมงานเพื่อให้เขารับรู้ว่าพร้อมและมีศักยภาพเพียงพอ ส่วนลูกค้าใหม่ผมแนะนำวิธีทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ (มีแล้วหรือยัง) แจ้งข่าวผ่านเว็บบอร์ดต่างๆ เช่น Pantip.com หรือผ่านทางสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ สร้างโฆษณาเข้าไป ไม่ช้าลูกค้าจะรู้จักเรามากขึ้นแน่ เพราะอินเตอร์เน็ตเหมือนไฟลามทุ่ง แป๊บเดียว ยิ่งเราทำเว็บไซต์ข้อมูลดีๆ ภาพประกอบให้ตัดสินใจ รับรองไม่ช้าก็มีคนติดต่อเข้ามา

นี่ก็ผ่านไปแค่สองข้อเท่านั้น เรื่องโอทอปกับผมนั้นอีกยาว ลองติดามพรุ่งนี้ดูล่ะกันนะครับ รับรองลงลึกเข้าไปอีกแน่ สู้ๆนะครับชาวโอทอปและ SMEs

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น