แหวกทะลุครัว "ข้าวแกงบ้านสวน"
ต่อจากเมื่อวานดีกว่า เพราะได้ชำแหละไปหลายข้อแล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขอเริ่มเลยล่ะกัน
ชำแหละที่ 5 ที่จอดรถ
นี่ถือว่าเป็นจุดเด่นของร้านนี้ก็ว่าได้ เพราะลูกค้าทุกคนที่มากินที่นีหรือจะช๊อปก็แล้วแต่ต้องมีรถ ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนเวลาไปเที่ยวที่ไหนไกลบ้านต่างถิ่น ก็จะกังวลกับการกินว่าจะกินที่ไหน กินอะไร ต่อมาถือจะจอดรถยังไง เพราะถ้าไปกินในเมือง ก็หาที่จอดรถยาก กินนอกเมืองก็ไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจแวะมาที่ร้านข้าวแกงบ้านสวน เพราะรถคนกินก็เยอะ อาหารก็เยอะ โอย ที่จอดรถเขากว้างขวางมาก จอดได้เป็นร้อยคน รถบัสเป็นสิบ ยิ่งลองเข้าไปดูนึกว่ามาเดินห้าง เพราะคนเยอะจริงๆ
ชำแหละที่ 6 อำนาจการต่อรองสูงทุกด้าน
เมื่อพูดถึงอำนาจต่อรอง ผมขอพูดถึงทฤษฎีเรื่องของ 5-Forces Model หรืออิทธิพลด้านต่างๆที่มีต่อธุรกิจของเรา ได้แก่
1. อิทธิพลด้านธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ในที่นี้คือฟู๊ดคอร์ทห้างสรรพสินค้า
2. อิทธิพลด้านสินค้าทดแทน ในที่นี้ผมจะเอ่ยถึงพวกร้านฟาสฟู๊ดตามปั๊มเช่น เคเอฟซี แม็คโดนัลด์
3. อิทธิพลด้านคู่แข่งรายใหม่ เช่น ศูนย์อาหารตามสถานที่ท่องเที่ยว ศูนย์อาหารตามปั๊มต่างๆ
4. อิทธิพลด้านคู่ค้า ได้แก่ แม่ค้าที่มาเช่าสถานที่ขายของ ขายอาหารภายใน
5. อิทธิพลด้านลูกค้า ก็คือลูกค้าที่มาซื้อของ ซื้อขนมเค้กและรับประทานอาหารภายในร้าน
เอาล่ะครับลองดูสิว่า ร้านข้าวแกงบ้านสวนนั้นสามารถต่อกรกับอิทธิพลด้านใดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ด้านคู่แข่งคือ ฟู๊ดคอร์ทในห้าง ข้อนี้ข้าวแกงบ้านสวนได้เปรียบมากๆ เพราะทั้งราคา ความสะดวก ความสะอาดของสถานที่ ที่จอดรถ ความหลากหลายนั้นกินขาด ถ้าจะแพ้ก็แพ้เรื่องหน้าตาอาหาร ความไฮโซของอาหาร (เค้าไม่เน้นระดับบน เน้นกลางและรากหญ้า) ต่อมาคือด้านสินค้าทดแทน เช่นฟ๊าดฟู๊ด อันนี้ผมมองว่ากลุ่มลูกค้าจะเป็นคนละกลุ่มกัน เพราะข้าวแกงบ้านสวนเน้นกลุ่มระดับกลางและล่าง พวกนักท่องเที่ยวทั่วไป คนขับรถส่งของ พวกลูกค้าโดยสารรถทัวร์ ซึ่งฟาสฟู๊ดนั้นจะเน้นคนกรุงเทพฯที่มีกำลังสูง (บิ๊กแม็คหนึ่งอันกินข้าวแกงได้สองจานบวกน้ำดื่ม) ดังนั้นข้าวแกงบ้านสวนไม่กระทบในด้านนี้ คู่แข่งรายใหม๋ เช่นฟู๊ดคอร์ทตามปั๊มหรือศูนย์อาหารใหม่ที่เปิดใหม่ๆ ต้องบอกเลยว่ายากส์มาก เพราะต้นทุนการทำศูนย์อาหารนั้นสูงและยุ่งยากมากในการสร้างชื่อ ส่วนในปั๊มนั้นผมว่าคนไม่นิยมอยู่แล้วเพราะมีความรู้สึกไม่ดีกับเรื่องความสะอาด ด้านคู่ค้า ผมเชื่อว่าข้าวแกงบ้านสวนนั้นได้เปรียบมากเพราะชื่อเขาขายได้ คนเข้าตลอดเวลา รถแน่นทั้งวัน แม่ค้าที่ไหนก็อยากมาเช่าพื้นที่ทั้งนั้น ดูตัวอย่างจากสาขาสองที่มีร้านมากมายมาเปิด ทั้งร้านนตุ๊กตา ร้านขายน้ำองุ่นจากมวกเหล็ก และสุดท้ายด้านลูกค้า ไม่ต้องอธิบายมากกับจำนวนลูกค้าที่มากมาย จุดเด่นที่สำคัญคือขนมเค้ก ที่ไปกี่ครั้งก็เกือบหมดตลอด ผมว่าเขาปิดร้านหนึ่งวันเสียรายได้เป็นแสน.... เห็นมั้ยครับ ที่ผมลองวิเคราะห์คร่าวๆก็จะเห็นว่าร้านเขานั้นได้เปรียบในทุกๆด้าน อย่างนี้ทำธุรกิจก็สบายแล้ว
ชำแหละที่ 7 (สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด) เค้กบ้านสวน
อันนี้เหมือน Trademark TM หรือเครื่องหมายการค้าของร้านไปแล้วก็ได้ จากแต่ก่อนที่ทำเค้กไม่กี่กล่องที่สาขาหนึ่งแล้วกระจายขายไปสาขาสอง จากธุรกิจเล็กๆจนกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ ทำเค้กวันหนึ่งผมว่าไม่ต่ำกว่า 10,000 กล่อง ลองคิดเล่น ถ้ากำไรกล่อง 10 บาท วันหนึ่งๆกำไรมากกว่าหนึ่งแสนบาทสบายใจแฮไปเลย ทีเด็ดของเค้กคือความนุ่มของแป้ง ราคาแต่ละกล่องไต่มาเกือบครึ่งร้อยแล้ว แถมยังมีบางช่วงเวลานำขอบขนมที่ตัดออกมาขายอีก สร้างมูลค่ามห้กับเศษขนม กลายเป็นว่าของเสีย (Waste) แทบเป็นศูนย์ แถมบางคนซื้อไปเป็นสิบๆกล่อง โดยไม่รู้ว่าเอาไปถมที่หรืออย่างไร (ฮา)
สุดท้ายก่อนจากไป ผมขอฝากสองข้อให้เจ้าของร้านข้าวแกงบ้านสวนช่วยนำไปพิจารณา คือ
1. การบริการ เนื่องจากในแต่ละวันนั้นมีคนเข้ามาใช้บริการมาก จากประสบการณ์ของผมได้ประสบเองคือแต่ก่อนมีบริการน้ำแข็งเปล่าให้ทุกคนที่ซื้ออาหาร แต่เดี๋ยวนี้เด็กในร้านนั้นไม่ค่อยมาเสิร์ฟ มัวเล่นหรือคุยกันเป็นส่วนใหญ่ (เข้าใจว่าเหนื่อย) รวมถึงการเก็บโต๊ะให้พร้อมบริการเพราะยังเห็นบางโต๊ะที่ไม่ได้เก็บให้สะอาด และสุดท้ายคือราคาอาหารที่ตอนนี้บางอย่างแพงไม่เหมาะสมกับปริมาณและวัตถุดิบ
2. เค้กบ้านสวน ตอนนี้ผมว่าการกระจายเค้กบ้านสวนไปขายตามร้านต่างๆหรือร้านตามปั๊มแถวปทุมฯและอยุธยาก็ดี รวมถึงการให้ลูกค้าซื้อส่งไปขายตามจังหวัดต่างๆในภาคกลาง นั้นเห็นมีอยู่มาก เข้าใจครับว่ากำลังใช้หลักส่วนประสมการตลาด (Marketing Mixes) ในเรื่อง P-Place อยู่ คือการมีช่องทางจำหน่ายมากให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ทุกที่ แต่ผมว่ามากไปจะทำให้มูลค่า (Value) ของขนมเค้กนั้นหมดลง ลองคิด่งายๆนะครับ ถ้าคนรู้ว่าสามารถซื้อเค้กบ้านสวนได้ง่ายๆที่ไหนก็ได้ แล้วอีกหน่อยจะมีใครมาซื้อที่ร้านเราจริงๆ แทนที่เราจะทำให้เค้กเราเกิดมูลค่าต่อลูกค้า ลองนึกถึงสมัยก่อนที่โรตีบอย เปิดสาขาแรกที่สยามคนต่อแถวเป็นกิโลรอซื้อขนมอันละยี่สิบบาท พอไม่นานเปิดสาขาเพิ่ม มูลค่าของโรตีบอยหมดไป ใครๆก็ซื้อกินที่ไหนก็ได้ สุดท้านทุกวันนี้รีแบรนด์เป็น Mr Bun ก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นแล้ว ระวังนะครับเพราะไม่ใช่แค่มูลค่าจะหายไปจะรวมถึงหากวันใดมีคนแกะสูตรมาได้ล่ะก็ วันนั้นขนมเค้กบ้านสวนจะกลายเป็นเค้กดาดๆไป
สุดท้ายวันนี้ ขอจบแค่นี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน วันนี้เขียนบล็อกมา 13 วัน มีคนเข้าชม 141 คน ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ หวังว่าทุกบทความจะเป็นความรู้แก่ผู้ประกอบการทุกๆคนนะครับ
พรุ่งนี้ขอเกริ่นไว้เลยว่า จะกระชากเฮาส์แบรนด์เบเกอรี่ในจังหวัดสระบุรีออกมา วิเคระาห์เจ้าต่อเจ้าไปเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น