วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Flooding Crisis: โอกาสและวิกฤตจากน้ำท่วม

สวัสดีชาว SMEs และ SMEfriend หลังจากห่างหายจากบทความไปนาน เนื่องจากตอนนี้กำลังขะมักเขม้นกับเว็บไซต์ของ SMEfriend ที่อยากจะเปิดตัวภายในปีนี้ เลยไม่มีเวลามาเขียน ซึ่งผมบอกไว้เลยว่าไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรอ่าน เพราะสิ่งที่อยากแชร์นั้นเต็มหัวไปหมด เพียงแต่ไม่มีแรงจะเขียนเท่านั้น แต่ยังไงก็จะพยายามจะเขียนให้ได้มากที่สุดนะครับ

วันนี้ขอเริ่มด้วยความห่วงใยต่อผู้ประสบภัยทั้งบุคคลที่หาเช้ากินค่ำ เจ้าของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ณ ตอนนี้ ยังไงถ้าน้ำลดก็ขอให้กลับมาต่อสู้กันต่อนะครับ ผมยังเอาใจช่วย ส่วนใครอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ตอนนี้เราก็มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับฤดูหนาวและธุรกิจที่ประสบภัยคือ เพียง 2,000 บาทก็มีเว็บไซต์ได้แล้ว ส่วนจะยังไงก็ลองติดต่อสอบถามเข้ามาดูทางเบอร์โทรศัพท์ของ SMEfriend หรือทาง Facebook

ส่วนตอนนี้เรามาว่าเนื้อความของวันนี้เลยดีกว่า อย่างที่รู้กันหลายๆนิคมขนาดใหญ่ของภาคกลาง ทั้งโรจนะ นวนคร ไฮเทคและอีกหลายๆที่นั้นได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในระดับที่สูงจนต้องหยุดการผลิตปิดโรงงานกันไป จน ณ ตอนนี้เริ่มมีผลกระทบกับภาคประชาชนกันบ้างแล้ว ในเรื่องของสินค้าบริโภค เช่น น้ำดื่ม อาหารแช่แข็ง ซึ่งลองไปดูตามซุปเปอร์มาร์เกตหรือ 7-11 ก็จะพบว่าของหมดสต๊อกไปมาก นี่ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผลต่อ GDP ของประเทศมาก รวมถึงภาคขนส่งที่ไม่สามารถขนส่งไปไหนได้ เนื่องจากถนนสายหลักของรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั้งพหลโยธินและสายเอเชียได้รับความเสียหายอย่างหนัก บางที่ผลิตสินค้าไม่ได้ บางที่ผลิตได้ขายออกไม่ได้ ซึ่งก็ต้องดูว่าปริมาณน้ำที่อยู่ข้างบนอยุธยาจนหมดไปเมื่อไหร่ ซึ่งต้องบอก ณ ตอนนี้เลยว่า ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

ซึ่งจากวิกฤตการณ์นี้จะพบว่ายังมีหลายสินค้า หลายบริษัทนั้นรอดพ้นจากน้ำท่วมและพลิกสถานการณ์กลับมาได้ทันที ผมขอยกตัวอย่างเช่น

บริษัท นมเมจิ ที่มีฐานการผลิตอยู่อำเภอหนองแค ตำบลหินกอง สระบุรี ที่ไม่ได้มีผลกระทบด้านน้ำท่วมเลย ยกเว้นบ้างในด้านวัตถุดิบคือน้ำนม (ซึ่งสระบุรีก็นมเยอะอยู่มาก จึงไม่กระเทือนเท่าไหร่) โดย ณ ตอนนี้พูดได้เลยว่าเหลือโรงงานไม่กี่โรงที่สามารถผลิตนมและนมเปรี้ยวได้ ซึ่งทำให้ตอนนี้นมเมจินั้นกลายเป็นนมติดเชลฟ์ของร้านสะดวกซื้อและห้างต่างๆไปแล้ว ซึ่งผมเองก็เดาได้ตอนนี้เมจิสั่งเดินเต็มพิกัด เพราะทั้งดัชมิลล์ (น้ำท่วมนครปฐมแล้ว) และยาคูลท์ (น้ำท่วมหลักสี่) รวมถึงบีทาเก้นก็งดส่งของแล้ว ทำให้ยอดของนมเมจินั้นพุ่งกระฉุดแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องยอมรับว่าผู้บริหารของเมจิมีวิสัยทัศน์และสติตลอดเวลา ไม่ตกใจและพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ซึ่งข้อดีของโรงงานนมเมจินั้นคือสามารถขนส่งไปยังพื้นที่ต่างๆในภูมิภาคอื่นๆได้ เพราะยังใช้เส้นทางถนนมิตรภาพ สายเหนือเก่าและตะวันออกในการส่งนมไปขายได้นับว่ายังได้เปรียบคู่แข่งที่ได้รับผลกระทบอยู่มาก

วันนี้ก็ขอยกตัวอย่างเบาะมาให้อ่านพอหายคิดถึงนะครับ
ซึ่งบทสรุปของบทความนี้คือ การมีสติและวิสัยทัศน์มองอนาคตและเหตุการณ์ออกของผู้บริหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการมีภาวะผู้นำ (Leadership)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น