บทความแรกของบล็อกเกอร์คนใหม่ใน SMEfriend ดีไม่ดียังไงแนะนำติชมมาได้นะครับ
ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าบทความต่อจากนี้ของผมและ SMEfriend จะเป็นบทความอ่านง่ายภาษาบ้านๆเพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกการศึกษาอ่านได้ แต่ถ้ามีคำศัพท์เฉพาะผมก็จะนิยามความหมายไว้นะครับ
4Ps กับธุรกิจกาแฟสด
ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่าเรื่อง 4Ps นั้นอธิบายวันเดียวไม่หมดแน่ เพราะดังนั้นจะทยอยอธิบายไปล่ะกัน
เริ่มจาก P แรกก่อนเลย P-Place ในธุรกิจกาแฟสดนั้นผมจะต้องพูดถึง P-Place หรือสถานที่จัดจำหน่ายก่อน เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่ควรใส่ใจก่อนการทำธุรกิจกาแฟสด ไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ ข้างถนนหรือในห้าง เพราะถ้าคุณกำหนดจุดการจัดจำหน่ายที่ถูกต้องก็จะเป็นที่ต้องตาต้องใจลูกค้า ถ้าเผอิญไปตั้งผิดที่ผิดทางระวังจะขายไม่ได้โดยไม่รู้ตัว
การตั้งร้านกาแฟนั้นสำคัญมากคือการกำหนดกลุ่มลูกค้าว่ากาแฟเรานั้นเน้นกลุ่มลูกค้าแบบใด ถ้าราคาแพงก็ต้องเน้นกลุ่มวัยทำงาน นักเดินทาง ถ้าราคากลางๆก็เป็นกลุ่มวัยทำงาน นักศึกษา นักเรียน (แต่ส่วนใหญ่ นักเรียนไม่นิยมดื่มกาแฟสดกัน) ถ้าราคาถูกก็เป็นพวกวัยทำงานรายได้ต่ำ (ซึ่งไม่ยอมเสียตังค์ซื้อแน่) หลังจากเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายแล้ว แต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่เปิดร้านกาแฟไม่ค่อยได้คิดเรื่องกลุ่มลูกค้าหรอก ให้ผมเดานะว่าส่วนใหญ่จะเปิดร้านตามแหล่งชุมชน ย่านธุรกิจ หรือมองดูซ้ายขวาว่าไม่มีใครเปิดก็เปิด แต่อย่าคิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป
การกำหนดกลุ่มลูกค้าทำให้เราสามารถเดารายได้ต่อวันที่จะเข้ามาได้ แล้วลองกลับมาหักลบกับต้นทุนคงที่ (fixed cost) เช่นพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่ อะไรที่ต้องเสียอยู่แล้วไม่ว่าจะขายได้หรือขายไม่ได้ และต้นทุนผันแปร เช่น ราคาเม็ดกาแฟ นมข้น อะไรต่างๆที่แปรผันกับจำนวแก้วที่ขายได้ ลองดูว่ารายได้ที่หักต้นทุนทั้งสองนั้นเพียงพอต่อคุณในแต่ละวันหรือไม่ นี่ยังไม่รวมการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ซึ่งยังไม่กล่าวในต้นทุน ลองดูว่ามีกำไรต่อวันเท่าไหร่ ถ้าเหลือมากพอก็กำหนดได้เลยว่าน่าจะเป็นทำเลทองของเรา ถ้าไม่โอเคก็ลองเปลี่ยนทำเลใหม่และลองคำนวณเหมือนที่กล่าวมาอีกทีจนได้ทำเลที่เราพอใจ
ทำเลที่ตั้งร้านกาแฟไม่จำเป็นต้องเป็นที่ชุมชนหรือย่านการค้าก็ได้ เพราะบางทีคนแถวนั้นอาจไม่ชอบดื่มกาแฟสดก็ได้ เพราะอย่าลืมว่ากาแฟสดนี่ก็โทษเยอะเหมือนกัน ราคาแพง ไขมันเยอะ ฯลฯ
ผมลองยก Case Study ง่ายๆ ที่สหหรัฐอเมริกา แต่ก่อนร้านกาแฟสตาร์บั๊คส์นิยมมาก จนบางตึกที่มีนักธุรกิจ พนักงานบริษัทมากๆมีร้านกาแฟยอดนิยมไม่ต่ำกว่าสิบสาขา ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าแย่งยอดขายกันเอง สุดท้าย สตาร์บั๊คส์ก็ต้องลดปริมาณลงเอาให้พอดีกับลูกค้าที่มี
เขียนไปเขียนมา จากเรื่องทำเลมาลงที่ลูกค้าอีกแล้ว แต่มันคือเรื่องจริงที่เราต้องเน้นที่ลูกค้าก่อนที่จะกำหนดทำเลที่ตั้ง อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ร้านอะเมซอนตามปั๊มปตท. สังเกตว่าทุกปั๊มปตท.ที่ปรับปรุงใหม่จะลงร้านอะเมซอนทุกสาขา เพราะเขาชื่อว่าคนขับรถไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือทำธุระยังไงต้องมีบางส่วนกินกาแฟเพื่อแก้ง่วง และคงไม่สะดวกที่จะแวะตามร้านข้างทางเพราะไม่รู้รสชาติและเสียเวลา แต่ไหนจะแวะปั๊มเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำก็เลยแวะซื้อกาแฟด้วย เพราะเชื่อในรสชาติและราคาที่เป็นมาตรฐาน ทำให้ทุกวันนี้อะเมซอนถึงอยู่ได้
ร้านกาแฟบางร้านขายแค่หน้าออฟฟิศหรือธนาคารก็ขายได้ เพราะลูกค้าประจำและแน่นอน รายได้ประมาณการได้ ส่วนบางร้านก็เน้นลูกค้าขาจร เช่น ร้านตามข้างถนน ร้านตามสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น บางร้านลงทุนเปิดหน้าแฟนเพจใน Facebook หรือ Twitter เพื่อให้ลูกค้ารู้จัก ถึงแม้จะไม่ได้มาตอนนี้ก็อาจจะมาลองชิมกาแฟที่ร้านในวันข้างหน้าหรืออาจบอกต่อคนรู้จักก็ได้ ซึ่งการทำหน้าเว็บนั้นก็ถือเป็นการใช้กลยุทธ์สถานที่จัดจำหน่ายเหมือนกัน แต่การมีหน้าร้านตามเว็บหรือใน Facebook ก็ถือเป็นการให้ความสำคัญในสถานที่จัดจำหน่ายเหมือนกัน
นี่ก็เป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่ผมจะเอ่ยถึง P-Place หรือทำเลที่ตั้งหรือสถานที่จัดจำหน่าย ที่เราจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกหากคิดที่จะเปิดร้านกาแฟ พรุ่งนี้ ติดตามต่อ P-Product (ผลิตภัณฑ์) โชคดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น