บทความแรกของบล็อกเกอร์คนใหม่ใน SMEfriend ดีไม่ดียังไงแนะนำติชมมาได้นะครับ
ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าบทความต่อจากนี้ของผมและ SMEfriend จะเป็นบทความอ่านง่ายภาษาบ้านๆเพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกการศึกษาอ่านได้ แต่ถ้ามีคำศัพท์เฉพาะผมก็จะนิยามความหมายไว้นะครับ
4Ps กับธุรกิจกาแฟสด
วันนี้ขอเริ่มตัวที่สามอย่างไม่รีรอเลยล่ะกัน คือ P-Price หรือราคาขาย ซึ่งในตอนแรกผทกะจะเขียนถึงตัว P-Promotion หรือการส่งเสริมการขายก่อน แต่เนื่องจากว่าเรื่องการส่งเสริมการขายหรือภาษาบ้านๆเรียกว่า "การอัดโปร" เข้าไปนี่มันค่อนข้างเยอะและมีเทคนิคการขายเยอะ ผมจึงขอเขียนถึงตัวราคาขายก่อนเลยแล้วกัน
ถ้ายังจำกันได้ผมเคยเขียนในตอนที่ 1 ไปแล้วว่า การหาทำเลการตั้งร้านต้องคิดถึงลูกค้าเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับการกำหนดราคา ต้องนึกถึงกลุ่มลูกค้าเราเป็นสังคม ถ้าตั้งร้านขายย่านชุมชน ตลาด ไปตั้งราคาแพงก็ไม่มีใครมาซื้อหรอกครับ เช่นกันกับการตั้งร้านขายในย่านธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า ย่านบริษัทเยอะๆ ไปตั้งราคาถูกว่า เขาก็มองว่าของราคาถูกไม่มีคุณภาพ ดังนั้นการตั้งราคานี่อาจจะต้องใช้ศิลปะหน่อย มองดูกลุ่มลูกค้าดีๆ แล้วฟันธงราคาไป รับรองได้ใจคนซื้อไปเยอะเลย แต่กลยุทธ์ราคานี่ผมมขอเขียนเป็นข้อๆเลยดีกว่า
1. หาสินค้าเพชรน้ำเอกของร้านแล้วตั้งราคา ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึงกาแฟรสอะไรก็ได้ จะใส่อะไรก็ได้ หน้าตาสวยแบบพระเอก นางเอก ตั้งให้เป็นตัวท๊อปของร้านจัดหนักสุดๆไปเลยเพื่อให้ลูกค้าจำได้ แล้วกำหนดราคาไปเลย จำไว้ถ้าของคุณดีจริง ลูกค้าก็ยอมจ่ายถ้าราคาเหมาะสม ยิ่งทำโปรโมชั่นคู่กับของหวานนะ รับรองยอดคุณกระจุยแน่ เพราะยิ่งถ้าเราถนัดในสิ่งที่เราทำ ทำกี่ทีรสชาติก็ไม่เปลี่ยน บวกกับของหวานกินคู่กัน เฉียบ...
2. อะไรที่ร้านอื่นมี ราคาอย่างห่างเยอะ ครับ ผมกำลังพูดถึง คาปูเย็น เอสร้อน ชานมปั่น กีวีโซดา ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่ร้านอื่นมีกัน อะไรที่บ้านเค้าดื่มกัน อย่าไปตั้งราคาหนีชาวบ้านเขามาก เพราะลูกค้าก็มีสิทธิ์ไปหาที่อื่นก็ได้ ผมไม่ได้แนะนำให้ขายแพงหรือขายถูกนะครับ แต่ยังไงของเบสิคๆพวกนี้ต้องขายพอๆกับข้างๆบ้าง
3. ตั้งราคาขายให้ดูปริมาณด้วย ผมพูดถึง ถ้าคุณมองดูแล้วว่าปริมาณลูกค้าต่อวันเฉลี่ยเท่าๆกันในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน คุณฟันธงไปเลยนั่นคือตัวเลขในใจที่คุณจะต้องขาย คิดต้นทุนคงที่ของแต่ละวัน ต้นทุนผันแปรของกาแฟนั้น แล้วบวกกำไรที่เราต้องการเข้าไป นั่นล่ะคือราคาที่เราควรตั้งไว้ ผมจะยกตัวอย่างโจทย์ง่าย
ในหนึ่งวันคุณมีต้นทุนคงที่ คือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรงงาน อยู่ที่ 1,000 บาท ต้นทุนผันแปรของกาแฟอยู่ที่ 20 บาทต่อแก้ว นับสถิติลูกค้าต่อวันได้ 100 แก้ว กำไรในใจของคุณต่อวัน คือ 3,000 บาท ดังนั้นคุณควรตั้งราคากาแฟดังนี้
ต้นทุนคงที่ต่อหน่วย = 1,000/100 = 10 บาทต่อแก้ว
ต้นทุนผันแปรกาแฟ = 20 บาทต่อแก้ว
กำไรในใจต่อแก้ว = 3,000/100 = 30 บาท
ดังนั้นราคากาแฟต่ำสุดที่คุณควรตั้ง = 10+20+30 = 60 บาทต่อแก้ว
นั่นล่ะครับ คือราคากาแฟขั้นต่ำที่คุณควรตั้ง อ่อ ตัวอย่างอาจดูแพงไปอย่าไปคิดมากนะครับ ผมสมมติตัวแลขขึ้นมา อย่าลืมคิดต้นทุนการตลาด การโฆษณา การขายต่อเดือนซึ่งเป็นต้นทุนคงที่เข้าไปด้วย
4. ราคาที่ตั้ง ห้ามเพิ่ม แต่ลดได้ เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญมากๆ เรื่องเงินเรื่องตัวเลขเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าคุณมั่นใจในการดีดตัวเลขราคาขายของคุณและเขียนในป้ายราคาแล้ว จงใช้ตัวเลขนั้นตลอดไป แก้ไขได้ในกรณีโปรโมชั่น ลดราคาเท่านั้น ถ้ากาแฟตัวไหนของคุณต้นทุนขึ้นราคา อย่าไปเปลี่ยนแปลง จงหาหนทางอื่นในการชดเชยต้นทุนนั้นไป เช่น อัดโปรในรายการที่ส่วนต่างสูง เพราะถ้าคุณเปลี่ยนราคาให้สูงขึ้น รับรองลูกค้าหายหมดแน่ เพราะลูกค้าจะไม่มั่นใจในร้านคุณต่อไป เพราะเขาคิดว่าคุณหักหลังเขา
นี่ก็เป็นตัวอย่างของการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคานะครับ มีอีกหลายอย่างเลยที่ทำได้ ผมยกตัวอย่างที่เห็นภาพง่ายๆมาก่อนแล้วกัน เพราะเชื่อว่าคนขายจะเข้าใจมากกว่าคนกินอย่างผมอีก เหอะๆ พรุ่งนี้ติดตามตอนสุดท้ายของ 4Ps กับธุรกิจกาแฟสด P ตัวสุดท้าย คือ P-Promotion อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น