วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

4Ps กับธุรกิจกาแฟสด (ภาค 2)


บทความแรกของบล็อกเกอร์คนใหม่ใน SMEfriend ดีไม่ดียังไงแนะนำติชมมาได้นะครับ
ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าบทความต่อจากนี้ของผมและ SMEfriend จะเป็นบทความอ่านง่ายภาษาบ้านๆเพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกการศึกษาอ่านได้ แต่ถ้ามีคำศัพท์เฉพาะผมก็จะนิยามความหมายไว้นะครับ

4Ps กับธุรกิจกาแฟสด

P-Product ผลิตภัณฑ์ ผมต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ได้พูดถึงแค่กาแฟในแก้ว แต่ผมพูดถึงเม็ดกาแฟ นมข้น นมสด น้ำแข็ง แก้วกาแฟ หลอดกาแฟ และที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ธุรกิจกาแฟสดของคุณอยู่ได้คือ ขนมกินกับกาแฟ เรามาชำแหละดีละตัวเลยดีกว่า

เม็ดกาแฟ นมข้น นมสด ส่วนผสมอื่นๆ ผมไม่อยากจะพูดพวกนี้เยอะเพราะต่างคนต่างมีของดีในตัว บางคนได้เม็ดาแฟจากเมืองนอก จากภาคเหนือ จากเจ๊เล้ง จากโรงงานชั้นดี หรือแม้แต่นม ยี่ห้อต่างๆก็มีดี แต่ในที่นี้ผมจะพูดถึงคุณภาพที่อยู่ในตัว หลายๆคนทำธุรกิจไปแล้วเกิดความรู้มาก อยากได้รายได้เยอะขึ้นก็เลยไปลดต้นทุน ลดคุณภาพวัตถุดิบลง แล้วไงครับ อย่าไปดูถูกคอกาแฟเชียวนะ พวกเขาจับได้หมดหากคุณทำผิดสูตรไป ในส่วนตัวของผมแนะว่ายังไงก็ขอให้คงคุณภาพไว้หรือทำให้ดีกว่าเดิมดีกว่า อย่าไปแตะต้องเรื่องพวกนี้เชียวล่ะ

แก้วกาแฟ โอยอันนี้บ่งบอกถึง Brand Royalty ของลูกค้าอย่างชัดเจน (Brand Royalty - ความจงรักภักดีต่อแบรนด์หรือตราสินค้า) ผมแนะไว้เลยถ้าคุณสามารถติดตราร้านของคุณในแก้วได้ล่ะก็ โอกาสธุรกิจคุณสดใส เพราะลูกค้าจะรู้สึกหลายๆอย่างกับกาแฟคุณ ความใส่ใจ ความได้ระดับของสินค้า เดินไปมาถือแก้วกาแฟอย่างไม่อายใคร ลองคิดสิ คนยอมจ่ายเงินเกือบร้อยบาทเพื่อได้ถือแก้วกาแฟของสตาร์บั๊คส์ หรือสี่สิบบาทของอะเมซอน เวลาถือไปกินไป รู้สึกถึงความ proud (ยินดี) ในตัวกาแฟ กลายเป็นว่ารสชาติของกาแฟอาจจะกลายเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆไปเลยก็ได้ แต่อย่างว่า ต้นทุนการทำแก้วกาแฟก็สูง ผลิตเยอะๆถึงคุ้ม ถ้าคุณไม่มีต้นทุน ผมแนะนำแค่สั่งทำสติ๊กเกอร์เล็กๆแปะที่แก้วหรือถุงใส่แก้วก็พอ แค่นี้ก็สร้าง Brand Royalty ได้แล้ว

ขนมกินกับกาแฟ ตัวนี้ล่ะจะทำให้ธุรกิจคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่คนดื่มกาแฟก็ต้องหาขนมมากินคู่ เช่น เค้ก คุ๊กกี้ ฯลฯ ซึ่งผมไม่ได้หมายความให้คุณทำขนมเป็น ผมแนะนำให้เบื้องต้นสำหรับการทำธุรกิจกาแฟสด ให้ไปเสาะหาร้านขนมชื่อดังใกล้ๆ หรือร้านที่ไม่ดังแต่อร่อย (ร้านลับ) ซื้อของเขามาขายหรือให้เขามาฝากขายก็ได้ กลายเป็นการรวมตัวกันของสองธุรกิจ เขาได้ช่องทางขายเพิ่ม เราได้ผลิตภัณฑ์เพิ่ม โอยได้ทั้งคู่ตามหลัก Synergy (หรือ 1+1 = 3) เราได้ เขาได้ เพิ่มโอกาสมากมาย และที่สำคัญที่สุด ขนมนี่ล่ะมีส่วนต่างของราคากับต้นทุน (Margin) ค่อนข้างสูง ยิ่งขนมเราอร่อยมากเท่าไหร่ คนก็จะจำได้ว่าร้านเรามีทั้งกาแฟและขนมจนบางครั้งลืมไปเลยว่า ขนมที่กินเป็นของร้านไหน

สุดท้ายที่ผมจะแนะนำเกี่ยวกับ P-Product คือ ร้าน ซึ่งตามหลักทฤษฎีของ 4Ps ร้านจะอยู่ในเรื่องของ P-Place ที่เราเกริ่นไปเมื่อวาน แต่ผมขอยกมาไว้ใน P-Product เพราะ ผมต้องการให้ทุกคนมองร้านเป็นผลิตภัณฑ์ไม่ใช่แค่สถานที่ เพราะไหนๆเราลงทุนทำร้านแล้วเราต้องใช้ประโยชน์มากที่สุด ร้านกาแฟสดที่ดีจะต้องมีที่นั่งที่สามารถดึงดูดให้ลูกค้านั่งนาน นั่งแล้วอบอุ่น อยากกลับมานั่งใหม่ อยากนัดเพื่อน นัดคุยธุรกิจ ที่พูดมานี่สตาร์บั๊คส์เขาทำมาแล้ว ทำให้ลูกค้ากลับมาหาตลอด เราก็ลองทำแบบเขาดู ทำยังไงก็ได้ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าร้านของเราไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ ให้เขาคิดว่าเป็นบ้าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มาถ่ายรูป (ตามนิยม) มา Check-in ลง Facebook นั่นล่ะจะทำให้ร้านของเราต่างจากที่อื่น ผมนึก Case หนึ่งออกมาได้ ใครที่ไม่รู้สึก Primo Posto ที่ปากช่อง เขาใหญ่มั้ยล่ะ นั่นล่ะเขาทำร้านกาแฟที่ไม่ใช่ร้านกาแฟ ด้วยรสชาติผมก็ว่ากลางๆนะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่เขาทำให้คนกลับเข้ามาถ่ายรูป มาจีบสาว มาเดินเล่นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยว โดยสร้างมูลค่า (Value) ให้กับร้านทั้งการออกแบบ บรรยากาศ นั่นล่ะสิ่งที่ผมพูดถึง

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ P-Product ที่กล่าวมาในวันนี้ หวังว่าจะจุดประกายให้หลายๆคนนะครับ อย่ามองแค่กาแฟ มองให้มากกว่ากาแฟ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น